Not Panthawat ความรู้กับการคิดพัฒนาตัวเอง



เคยมีน้องคนนึงที่ติดตามผมอยู่โพสว่า “ทำงานออฟฟิศ ไม่รวยหรอก หาเงินให้คนอื่น” 

อยากจะบอกน้องคนนั้นว่า “ถ้าไม่เคยหาเงินให้คนอื่น ถ้าไม่เคยทำให้คนอื่นรวย เรานั่นละจะไม่รวย”

ความคิดที่บอกว่าการเป็นลูกจ้างนั้นไม่มีทางรวย สำหรับผมเป็นความคิดที่ bias และทำลายตัวเองมาก ๆ ครับ และเมื่อคนเราคิดลบหรือมีอคติ การจะทำอะไรให้ดีหรือสำเร็จยิ่งเป็นไปได้ยากมาก ๆ เพราะความคิดเหล่านั้นจะ Block สมองไม่ให้เราแสดงศักยภาพของตัวเราเอง 

อยากรวยด้วยการเป็นลูกจ้างต้องทำไง ตามมา ลูกพี่จะเล่าให้ฟัง

ตัวผมเองนั้นบอกเลยว่าทำมาทุกอาชีพครับ เริ่มตั้งแต่ตอนอายุ 13 ไปเป็นลูกน้องผู้รับเหมาเดินไฟแรงสูง อาคารใหญ่ ๆ โรงงานใหญ่ ๆ พออายุ 17 เริ่มทำงานกลางคืนครั้งแรกเป็นบาร์บอย และพัฒนาเป็นบาร์เทนเดอร์ในเวลาต่อมา หลังจากนั้นก็ทำทุกตำแหน่งครับ บาร์ เสริฟ เป็นเด็กบาร์โฮส ทำงานกลางคืนอยู่ราว ๆ 7-8 ปี แล้วก็มาเริ่มทำงานเป็นพนักงานตรวจสอบอุบัติเหตุ หรือพนักงานเคลมประกันนั่นละครับ ทำประกันอยู่ 1 ปี ก็ลาออก ออกมาบวช 

พอสึกออกมาครั้งนี้เป็นการทำงานเป็นลูกจ้างที่ยาวนานที่สุดทำอยู่ 3 ปี ที่บริษัท มิลเลนเนี่ยมซัพพอร์ท จำกัด (บริษัทจำหน่าย ซ่อม อุปกรณ์คอมพิวเตอร์) เป็นแมสเซนเจอร์ > Customer Service > Sales > Technical Support หลังจากนั้นก็ลาออกมา และไม่ได้ทำงานประจำอีกเลย

ในการทำงานเป็นลูกจ้างมาตลอด 9 ปีนั้น (ตอนอายุ 13 ไม่นับนะครับ ทำแค่ปิดเทอม) ไม่เคยมีสักครั้งที่ผมไม่ได้ "ความรู้" และ "ประสบการณ์" ทุกอย่างที่ผมทำตอนเป็นขี้ข้าเค้า ทุกอย่างที่ผมทำตอนที่ผมทำให้คนอื่นรวย มีค่ามากสำหรับชีวิตผม 

ผมกล้าพูดได้ว่าไม่มีโรงเรียน มหาลัย หรือที่ใดในโลกที่จะสามารถสอนผมให้เติบโต และ มีความคิดความอ่านได้มากเท่าตอนที่มีครูบาอาจารย์เป็น "รุ่นพี่ และ นายจ้าง"

ผมไม่ได้ว่าระบบการศึกษา หรือครูบาอาจารย์ไม่ดีนะครับ แต่เราต้องยอมรับกันเสียทีเถอะว่า โรงเรียนที่เราเรียนมานั้นไม่ได้สอนอะไรที่สามารถนำมาใช้ในการทำงานได้มากพอ ทุกอย่างต้องเกิดจากประสบการณ์ส่วนตัว เกิดจากการเรียนรู้ความผิดพลาดในชีวิตทั้งนั้น โรงเรียนไม่สอนให้เราทำผิดพลาดครับ เราถูกส่งไปแข่งขันกันทำถูกเพื่อให้ได้รับเกรดดีที่สุด เราเลยไม่เคยได้ "บทเรียน" จากโรงเรียน

ต่างกับการทำงาน ต่างกับนายจ้างที่พร้อมจะเสี่ยงให้เราทำผิดพลาด พร้อมให้เราเรียนรู้ และเข้ามาเป็นที่ปรึกษาเวลาเราทำผิด แม้กระทั่งเวลาเราสร้างปัญหาที่ใหญ่เกินตัวเราเอง หัวหน้างาน นายจ้างก็จะคอยแก้ไขปัญหา รับผิดชอบความเสียหายนั้นแทนเรา เราจึงได้ "บทเรียน" มากมายจากการทำงาน และ "บทเรียน" คือสิ่งที่ทำให้เราเติบโต

ทุกครั้งที่ผมทำงานผมไม่ได้เอา "เงิน" เป็นตัวตั้งครับ ผมยอมรับว่าเงินจำเป็นในชีวิตครับ จำเป็นมาก ซึ่งผมก็ได้รับตามสมควรในการทำงานในแต่ละครั้ง พอเลี้ยงชีพ เลี้ยงครอบครัว

แต่ผลพลอยได้ที่ผมได้จากการทำงานซึ่งมีค่ามากกว่าเงินคือการได้เข้าโรงเรียนครับ สำหรับผมสถานที่ทำงานคือโรงเรียนครับ โรงเรียนที่จ้างผมมาเรียน มาทำผิดพลาด โรงเรียนที่จ่ายเงินเดือนให้ผมนำไปเลี้ยงครอบครัว ผมทำงานทุกที่ผมได้ความรู้เสมอ ไม่มากก็น้อย และได้นำมันมาปรับใช้ตลอดเวลา

ยกตัวอย่างเช่น ตอนผมรับเหมาเดินไฟตอนเด็ก ๆ ทำให้ผมมีความรู้เรื่องช่าง ซึ่งส่งผลให้ผมมีความสามารถเรียนรู้ตอนที่ผมทำบริษัทคอมพิวเตอร์ได้เร็ว เพราะมีพื้นฐานเข้าใจวิธีทำงานต่าง ๆ และการที่ผมได้ทำงานคอมนี่เองทำให้ผมสามารถ ซ่อมคอมเป็น ใช้คอมได้ ใช้โปรแกรมได้ และสามารถต่อยอดมาเขียนเว็บ มาทำเว็บ และมีความรู้ทางด้าน การตลาดทางอินเตอร์เน็ตจนนำมาประกอบอาชีพจริง ๆ และประสบความสำเร็จพอสมควรในปัจจุบัน

แม้กระทั่งประสบการณ์ตอนทำงานกลางคืน ตอนนี้ผมก็ได้นำมาใช้ เวลาผมรับรองผู้ใหญ่ เจอคู่ค้า ผมสามารถสั่งเครื่องดื่ม สั่งอาหาร บริการในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อสร้างความประทับใจให้คนที่จะมาทำงานกับเราได้ โดยที่ผมไม่ต้องไปเรียนเพิ่มเติม ทำให้การดีลธุรกิจต่าง ๆ ประสบความสำเร็จง่ายขึ้น

อย่างตอนที่ผมเป็นพนักงานประกันภัย ช่วงนั้นก็เป็นอีกช่วงที่ผมได้พบผู้คนมาก ต้องศึกษาเรียนรู้กฎหมายจราจร ได้ฝึกการคิดวิเคราะห์ และการเจรจาต่อรองกับคู่กรณี ซึ่งปัจจุบันผมสามารถต่อรองธุรกิจคุยกับทีมงาน กับคู่ค้าได้อย่างไม่เสียเปรียบเค้าเท่าใดนัก
 
ผมกล้าพูดได้เลยว่าที่ผมสำเร็จ และเป็นได้ทุกวันนี้ เกิดจาก เจ้าของบริษัท นายจ้าง ผู้จัดการ หัวหน้า รุ่นพี่ ที่คอยสอน คอยรับความผิดพลาด และแก้ไขความผิดพลาดที่ผมก่อขึ้นแทนผม

ดังนั้นถ้าคุณมีโอกาสได้เข้าทำงานที่บริษัทไหน ไม่ว่าจะตำแหน่งใดก็ตามจงทำให้เต็มที่ และอย่ามองแค่เงิน คุณต้องสร้างคุณค่าของตัวคุณเอง คุณต้องฝึกให้เก่งที่สุดในงานที่คุณทำอยู่ คุณต้องทำตัวเป็นมืออาชีพ และเมื่อคุณพร้อม คุณเดินไปบอกเจ้านายของคุณว่า คุณจะไปทำสิ่งที่คุณถนัดด้วยตัวเอง คุณจะออกไปเติบโต คุณเชื่อไหมครับ เจ้านายทุกคนจะไม่รั้งคุณ จะยินดีกับคุณ จะเซ็นใบลาออกให้คุณ และเจ้านายบางคนอาจจะลงทุนร่วมกับคุณด้วยซ้ำ

เชื่อผมเถอะครับ ถ้าคุณไม่เป็นขี้ข้าใครมาก่อน คุณจะประสบความสำเร็จได้ยากมากครับ ดังนั้น ลองไปเป็นขี้ข้า ลองไปฝึกความอดทน ลองไปทำตามเป้าหมายคนอื่น เพื่อเรียนรู้เส้นทางของตัวเอง เพื่อมองหาเป้าหมายของตนเอง และสักวันนึงคุณจะเติบโต และจะกลายมาเป็นผู้ที่มีคนช่วยสร้างเป้าหมายให้คุณ

คนเราเรียนรู้ได้จากความผิดพลาดครับ ไม่ใช่จากความกลัว แต่มันจะง่ายขึ้นถ้าคุณไม่ต้องกลัวความผิดพลาด เพราะมีเจ้านายคอยดูแลอยู่

อย่าลืมนะครับ ไม่เคยเป็นขี้ข้า รวยยากครับ

#CEONOT #ตีลังกาการตลาด

ความคิดเห็น